เมื่อวันที่ 10 เมษายนสถานกงสุลใหญ่แอล.เอ.ได้ออกคำแถลงเกี่ยวกับการถ่ายทอดสดให้การทางวาจา (oral hearings) ในคดีตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารปี 2505
โดยระบุว่าตามที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศกำหนดให้มีการให้การทางวาจา (oral hearings)
ในคดีตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารปี 2505 ที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ กรุงเฮก ระหว่างวันที่ 15-19 เมษายน 2556 นั้น
โดยระบุว่าตามที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศกำหนดให้มีการให้การทางวาจา (oral hearings)
ในคดีตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารปี 2505 ที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ กรุงเฮก ระหว่างวันที่ 15-19 เมษายน 2556 นั้น
สถานกงสุลใหญ่ฯ ขอประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ดังนี้ กำหนดการให้การทางวาจา (ตามเวลาในประเทศไทย)
ฝ่ายกัมพูชา วันที่ 15 เม.ย. 2556 เวลา 15.00 – 18.00 น. และเวลา 20.00 – 21.30 น.
ฝ่ายไทย วันที่ 17 เม.ย. 2556 เวลา 15.00 – 18.00 น. และ 20.00 – 21.30 น.
ฝ่ายกัมพูชา วันที่ 18 เม.ย. 255620.00 – 22.00 น.
ฝ่ายไทย วันที่ 19 เม.ย. 2556 เวลา 20.00 – 22.00 น.
สำหรับการถ่ายทอดสดการให้การทางวาจานี้มีดังนี้
1.ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจะถ่ายทอดสดการให้การทางวาจาผ่านทางเว็บไซต์ของศาลฯ (www.icj-cij.org/homepage ) โดยสามารถรับชมภาพและรับฟังเสียงเป็นภาษาที่ใช้จริงในศาลฯ คือ ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส นอกจากนี้ จะเผยแพร่การให้การฯ ในเว็บไซต์ขององค์การสหประชาชาติ (webtv.un.org ) ด้วย
2.รัฐบาลมีนโยบายให้ถ่ายทอดสดการให้การทางวาจา พร้อมแปลเป็นภาษาไทยทันทีคำต่อคำ โดยกระทรวงการต่างประเทศจะถ่ายทอดผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้แก่
(1) เว็บไซต์ที่กระทรวงฯ จัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะ ทาง www.phraviharn.org (สามารถเลือกฟังเสียงภาษาที่ใช้จริง เสียงภาษาอังกฤษ และเสียงภาษาไทย)
(2) สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (สถานีโทรทัศน์ช่อง 11)
(3) สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 92.5 และ AM 891
(4) สถานีวิทยุสราญรมย์ AM 1575
สำหรับการแถลงข่าวประจำวัน ภายหลังการให้การทางวาจาในแต่ละวัน กระทรวงการต่างประเทศจะถ่ายทอดสดการแถลงข่าวประจำวัน และการสัมภาษณ์ผู้บริหารระดับสูงที่เดินทางไปศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในเวลา 22.30 – 23.30 น. (ตามเวลาในประเทศไทย) และการให้ข้อมูลเพิ่มเติม และตอบคำถามสื่อมวลชนโดยเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ในฐานะตัวแทนประเทศไทยในการต่อสู้คดีฯ เวลา 23.30 – 24.00 น. (ตามเวลาในประเทศไทย) ทางเว็บไซต์ www.phraviharn.org และสถานีวิทยุสราญรมย์ AM 1575 ทั้งนี้ สามารถติดตามเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดีฯ ได้ทางเว็บไซต์ดังกล่าวด้วย
เมื่อวันที่ 10 เม.ย. นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหาสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ต่อข้อถามที่ว่าต้องการเห็นประเทศไทยมีจุดยืนอย่างไร ถึงกรณีที่ต้องไปแถลงด้วยวาจาต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ในคดีที่กัมพูชายื่นขอตีความคำตัดสินปี 2505 ระหว่างวันที่ 15-19 เม.ย. 56
นายคำนูณกล่าวว่า คำตัดสินของศาลโลกในคดีปราสาทพระวิหารปี 2505 มีแค่บทปฏิบัติการใน 3 ประเด็นคือ 1.ปราสาทพระวิหารอยู่ใต้อธิปไตยของกัมพุชา 2.ไทยต้องถอนทหารออกมา 3.ไทยต้องคืนสิ่งของวัตถุโบราณให้เขมร มีแค่ 3 ข้อนี้ แต่ศาลไม่ได้ตัดสินเรื่องความถูกต้องของแผนที่ระวางดงรัก รวมทั้งไม่ได้พิพากษาเรื่องเขตแดน ทั้งนี้ กัมพูชาได้ขอให้ศาลพิพากษาไปทั้งหมด 5 ข้อ รวมทั้งเรื่องเขตแดนด้วย
นายคำนูณกล่าวต่อว่า การตีความคำพิพากษาของศาลโลกตามมาตรา 60 จะตีความตามบทปฏิบัติการเท่านั้น ไม่ตีความเหตุผลคำพิพากษา การที่ศาลรับตีความครั้งนี้ จนถึงกับมีคำสั่งออกมาตรการคุ้มครองนั้น ต้องดูว่าศาลจะก้าวล่วงไปถึงเหตุผลบทปฏิบัติการ หรือจะตีความเฉพาะตามบทปฏิบัติการ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดาและน่าเป็นห่วง
นายคำนูณกล่าวอีกว่า เห็นด้วยที่ตัวแทนประเทศไทยจะไปศาลในวันที่ 15-19 เม.ย.นี้ เพื่อรักษาสิทธิ ถ้าไม่ไปแล้วปล่อยให้ศาลพิจารณาฝ่ายเดียวยิ่งหนักหนาสาหัสเข้าไปใหญ่ แต่ไม่ใช่แปลว่าไปแล้วต้องยอมรับปฏิบัติตามทุกสิ่งที่ศาลสั่งมา เราพลาดไปแล้วขั้นหนึ่งคือการทำตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว และท่าทีของเราที่เป็นมาตลอดคือไปให้ค่ากับคำตัดสินของศาลโลกสูงเกินกว่าที่เป็นจริง
“เปรียบเสมือนการสู่สนามสงครามถ้าเราไม่เก็บหมัดเด็ดไว้บ้าง รีบไปประกาศว่าจะปฏิบัติตามทั้งหมด ทำให้การตัดสินของศาลไม่ต้องกังวลว่าถ้าคำตัดสินเป็นผลร้าย ประเทศไทยจะมีปฏิกิริยาอย่างไร นี่คือข้อเสียอย่างใหญ่หลวง”นายคำนูญกล่าว
No comments:
Post a Comment