ทำความรู้จักตัวเก็งนายกฯกัมพูชา
Cambodia's Future ประจำวันที่ 24 กรกฎาคม 2556
พูดถึงนักการเมืองกัมพูชา คนไทยทุกคนคงจะไม่นึกถึงใครอื่นนอกจากนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีตลอดกาล ผู้กุมบังเหียนรัฐบาลกัมพูชามานานถึง 28 ปี เจ้าของวาทะเด็ดที่ว่าเมื่อตนเองเริ่มทำงานการเมืองนั้น นายกรัฐมนตรีไทยยังเป็นเพียงเด็กวิ่งเล่นอยู่
นายฮุน เซน หรือสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน เป็นนักการเมืองผู้คร่ำหวอดที่สุดในการเมืองกัมพูชาขณะนี้ เขาไต่เต้าขึ้นมาสู่อำนาจทางการเมืองด้วยลำแข้ง จากเด็กวัดลูกชาวนายากจนในจังหวัดกำปงจาม เข้าสู่แวดวงการเมืองด้วยการเข้าร่วมกับเขมรแดง แต่แตกคอกับพอล พต จนต้องลี้ภัยไปอยู่เวียดนาม และกลับมาอีกครั้งหลังการโค่นล้มเขมรแดง รับตำแหน่งรัฐมนตรีที่หนุ่มที่สุดในประวัติศาสตร์กัมพูชาด้วยวัย 27 ปี ตามมาด้วยการเป็นพันธมิตรกับเจ้านโรดม สีหนุ และขึ้นเป็นนายกฯครั้งแรกตั้งแต่เมื่อปี 2528 เมื่ออายุเพียง 33 ปี
ชื่อเสียงและศัทธาที่ประชาชนมีต่อนายฮุน เซนไม่ได้มาจากการทำนุบำรุงประเทศหลังยุคเขมรแดงให้กลับมาเจริญก้าวหน้าได้อีกครั้งเท่านั้น แต่เขายังมี "ชื่อเสีย" ในด้านการเป็นเผด็จการ และความเด็ดขาดในการกำจัดคู่แข่งทางการเมืองอีกด้วย ซึ่งบรรดาผู้ต่อต้านฮุน เซน ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าที่นายกฯคนนี้ ได้ครองตำแหน่งนาน ไม่ใช่เป็นเพราะเขาครองใจประชาชนได้ แต่เพราะนายฮุน เซน ไม่ยอมให้นักการเมืองหน้าไหนขึ้นมาเป็นคู่แข่งเขามากกว่า
แต่ขึ้นชื่อว่าการเมืองระบอบประชาธิปไตย คงไม่มีนักการเมืองคนไหนที่จะปราศจากคู่แข่งอย่างสิ้นเชิง ในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ นายฮุน เซน ต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งจากพรรคฝ่ายค้านอย่างนายสม รังสี ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษจากคดีการเมือง และได้กลับมาหาเสียงก่อนวันเลือกตั้งเพียง 9 วัน โดยว่ากันว่านายฮุน เซน จำเป็นต้องให้นายสม รังสี กลับมาร่วมการเลือกตั้ง เพราะกลัวสหรัฐฯจะคว่ำบาตรการเลือกตั้งครั้งนี้ ด้วยข้อหาไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม
นายสม รังสีมีพื้นเพทางการเมืองตรงข้ามกับนายฮุน เซนอย่างสิ้นเชิง เขาเกิดในครอบครัวชนชั้นสูง บิดาเป็นนักการเมืองชื่อดัง แต่ต้องลี้ภัยไปอยู่ฝรั่งเศสตั้งแต่เด็ก และเติบโต รวมถึงศึกษาวิชารัฐศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ในฝรั่งเศส นายสม รังสี ประกาศตัวว่ามีแนวคิดเสรีนิยม และมุ่งทำงานรับใช้ประชาชนคนรากหญ้า แต่ด้วยความที่เขามีพื้นเพห่างไกลจากคนกัมพูชาทั่วไป และไม่เคยอยู่ร่วมรับรู้ความทรงจำอันเจ็บปวดในยุคเขมรแดงกับประชาชนทั้งประเทศ ทำให้จุดอ่อนที่สุดของเขาก็คือการไม่ได้ใจคนชนบท ซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ
อย่างไรก็ตาม นายสม รังสี ถือเป็นนักการเมืองที่มีผู้นิยมชมชอบมากที่สุดรองจากนายฮุน เซน และบุคคลที่มีโอกาสมากที่สุดที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนต่อไป แม้จะไม่ใช่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เนื่องจากเขาเพิ่งถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง จึงได้แต่ช่วยลูกพรรคหาเสียง แต่อาจเป็นในอนาคต อีก 14 ปีข้างหน้า หากนายฮุน เซน ยอมเกษียณตัวเองจากอำนาจเมื่ออายุครบ 74 ปีจริงตามที่เคยลั่นวาจาไว้ และนายสม รังสี ยังไม่คิดว่าตนเองซึ่งตอนนั้นจะอยู่ในวัย 78 ปี จะแก่เกินไปสำหรับการเป็นผู้นำประเทศ
นอกจากนายสม รังสี ยังมีนักการเมืองอีกคนที่โดดเด่นเป็นอย่างมากในการเลือกตั้งครั้งนี้ นั่นก็คือเจ้าหญิงอรุณรัศมี นอกจากจะทรงเป็นหนึ่งในสตรีเพียงไม่กี่คนในแวดวงการเมืองกัมพูชา พระองค์ยังเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงเพียงองค์เดียวที่ลงสนามเลือกตั้งในนามของพรรคฟุนซินเปค พรรคการเมืองสายนิยมเจ้าที่ก่อตั้งขึ้นโดยเจ้านโรดม สีหนุ
เจ้าหญิงอรุณรัศมี หรือพระอนุชนโรดมอรุณรัศมี ทรงเป็นพระธิดาพระองค์เล็กของเจ้านโรดมสีหนุ ผู้ก่อตั้งพรรคฟุนซินเปคและอดีตกษัตริย์กัมพูชา ทำให้ทรงนับเนื่องเป็นพระขนิษฐาต่างพระมารดากับพระบาทสมเด็จพระนโรดมสีหมุนี กษัตริย์กัมพูชาพระองค์ปัจจุบัน
เจ้าหญิงอรุณรัศมีเสกสมรสกับนายแก้ว พุทธรัศมี หัวหน้าพรรคฟุนซินเปคคนปัจจุบัน แต่เริ่มเล่นการเมืองในนามพรรคฟุนซินเปคอย่างจริงจังครั้งแรกในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2552 แต่สอบตก ในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ทรงลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้ง และเป็นความหวังที่สำคัญที่สุดของพรรค ในฐานะที่ทรงเป็นพระธิดาของเจ้านโรดม สีหนุ ซึ่งยังครองใจประชาชนทั่วประเทศมาจนถึงปัจจุบัน
by Pannika
24 กรกฎาคม 2556 เวลา 08:30 น.
No comments:
Post a Comment