Wednesday, July 31, 2013

ពុករលួយ សអប់ខ្ពើមជនជាតិជិតខាង ២ បញ្ហាចំបងនៅក្នុងនយោបាយស្រុកខ្មែរ

'คอรัปชั่น-เกลียดเพื่อนบ้าน' 2 ปัญหาหลักในการเมืองกัมพูชา




Cambodia's Future  ประจำวันที่ 25 กรกฎาคม 2556  
นโยบายหลักในการหาเสียงของพรรคการเมืองฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลในกัมพูชา จับประเด็นอะไรมาใช้หาเสียงและโจมตีตอบโต้กันบ้าง แล้วสื่อในกัมพูชามองนโยบายต่างๆเหล่านี้อย่างไร
การหาเสียงในกัมพูชา ค่อนข้างจะมีลักษณะเฉพาะแตกต่างจากที่อื่นๆในโลก นั่นก็คือนโยบายของแต่ละพรรคไม่ได้รับความสนใจทั้งจากผู้สมัครส.ส. และประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง เท่ากับกลเม็ดเด็ดพรายที่แต่ละฝ่ายใช้โจมตีฝ่ายตรงกันข้าม หรือขอคะแนนเสียงจากประชาชน ซึ่งจะว่าไปก็ถือเป็นสีสันและรสชาติของการเมืองแบบอาเซียนที่ไม่เหมือนที่ไหนๆในโลก
แม้ว่าพรรคการเมืองต่างๆจะไม่ได้ชูนโยบายอะไรเด่นชัดมากนัก แต่แนวทางและจุดยืนของแต่ละพรรค โดยเฉพาะพรรคการเมืองหลักอย่างพรรคประชาชนกัมพูชาของนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน และพรรคกู้ชาติกัมพูชาของนายสม รังสี แกนนำฝ่ายค้าน ก็ค่อนข้างชัดเจน นั่นก็คือพรรคกู้ชาติกัมพูชา ใช้ยุทธวิธีโจมตีรัฐบาลของนายฮุน เซน ว่าเป็นพวกขายชาติ ซูเอี๋ยกับเวียดนาม ซึ่งเป็นวาทะที่เคยทำให้นายสม รังสี ต้องลี้ภัยทางการเมืองมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน จากการกล่าวหาว่านายฮุน เซน สมรู้ร่วมคิดกับรัฐบาลเวียดนาม ปักปันดินแดนแบบเสียเปรียบจนทำให้กัมพูชาต้องเสียดินแดนให้เวียดนามโดยไม่จำเป็น
เมื่อพรรคกู้ชาติกัมพูชาใช้กลยุทธแบบฝ่ายค้าน คือโจมตีรัฐบาลอย่างเดียวโดยไม่ได้เสนอนโยบายใหม่ๆที่เป็นรูปธรรม ฝ่ายพรรคประชาชนกัมพูชาก็เลยใช้กลยุทธแบบพรรครัฐบาลเต็มที่ นั่นก็คือใช้ความได้เปรียบที่ตนเองบริหารประเทศมานานหลายสิบปี อ้างความดีความชอบในลักษณะที่ว่า กัมพูชาเจริญรุ่งเรืองจากยุคหลังเขมรแดง ที่ประเทศชาติสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง มาเป็นกัมพูชาในวันนี้ได้ ก็ด้วยผลงานของนายฮุน เซน เท่านั้น
กลยุทธแบบย่ำอยู่กับที่ ไม่ได้มีการสร้างสรรค์หรือวางนโยบายใหม่ๆแบบนี้ ทำให้สื่อมวลชนในกัมพูชามองว่า จุดยืนในการหาเสียงของทั้งสองพรรค นอกจากจะไม่ได้ตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของสังคมกัมพูชา ยังเป็นการ "เล่นการเมือง" โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติอีกด้วย
การหาเสียงแบบต่อต้านเวียดนามของพรรคกู้ชาติกัมพูชา นอกจากจะกระตุ้นให้คนเกลียดชังรัฐบาล ยังเลยเถิดไปถึงทำให้คนกัมพูชาจำนวนมากเกลียดชังประเทศเวียดนามและคนเวียดนาม ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัมพูชาและเวียดนาม ในฐานะบ้านใกล้เรือนเคียงและเพื่อนร่วมอาเซียน ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น คนกัมพูชาเชื้อสายเวียดนามที่มีอยู่ไม่น้อยในประเทศ ก็พลอยถูกรังเกียดเดียดฉันท์ไปด้วย กลายเป็นการสร้างความแตกแยกบาดหมางระหว่างประชาชนไปโดยปริยาย
ส่วนการหาเสียงแบบกินบุญเก่าของพรรคประชาชนกัมพูชา ก็ไม่สร้างสรรค์เช่นกัน เป็นที่รู้กันดีว่าพรรคนี้น่าจะได้รับชัยชนะและได้เป็นรัฐบาลต่ออีกสมัย นโยบายที่พรรคใช้ในการหาเสียง จึงจำเป็นต้องตอบสนองต่อปัญหาต่างๆที่กัมพูชากำลังเผชิญมากกว่าพรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะปัญหาคอรัปชั่น
ในระยะหลายปีที่ผ่านมา การที่กัมพูชาถูกปกครองโดยรัฐบาลพรรคเดียว และพรรคฝ่ายค้านไม่มีพลังอำนาจหรือช่องทางที่มีประสิทธิภาพในการตรวจสอบรัฐบาล ทำให้เกิดการทุจริตคอรัปชั่นอย่างกว้างขวางและซับซ้อนแพร่หลายไปทั่วประเทศ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนรากหญ้า ที่ไม่มีเงินพอจะติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ จนคนกัมพูชาบางส่วนที่เคยเป็นฐานเสียงที่ซื่อสัตย์ของพรรคประชาชนกัมพูชา เริ่มรู้สึกว่ารัฐบาลไม่ได้เหลียวแลใส่ใจพวกเขาเท่าที่ควร
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากพรรคประชาชนกัมพูชายังต้องการครองความนิยมในประเทศต่อไป ก็จำเป็นต้องมีแผนต่อต้านการคอรัปชั่นที่จริงจังและเป็นรูปธรรม รวมถึงการปฏิรูประบบยุติธรรมทั้งระบบ เพื่อลดการทุจริตคอรัปชั่นในระยะยาว
ข้อเสนอเหล่านี้ปรากฏทั่วไปในหน้าสื่อหลายฉบับของกัมพูชา แต่กระแสการเมืองที่นับวันจะเข้มข้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อใกล้เข้าสู่วันเลือกตั้ง อาจทำให้ทั้งสองพรรคการเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นพรรคของนายฮุน เซน หรือนายสม รังสี ยุ่งอยู่กับการทำคะแนนเสียงและทำลายความน่าเชื่อถือของคู่แข่ง มากกว่าจะมาให้ความสนใจในการวางนโยบายพัฒนาประเทศที่อาจจะไม่เห็นผลจนกว่าจะถึงอีก 10 ปีข้างหน้าเช่นนี้
25 กรกฎาคม 2556 เวลา 08:27 น.

No comments: